tag:blogger.com,1999:blog-91192670218413895762024-03-13T07:03:01.794-07:00การถนอมอาหารเพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-88752320351903423812009-01-07T22:03:00.000-08:002009-01-07T22:07:04.525-08:00มะเขือเทศเชื่อมแห้ง<div align="center"><br />มะเขือเทศเชื่อมแห้ง<br />ส่วนผสม<br />มะเขือเทศ<br />20<br />กิโลกรัม<br />น้ำตาลทราย<br />10<br />กิโลกรัม<br />เกลือ<br />2<br />ถ้วยตวง<br />กรดซิตริก<br />20<br />กรัม<br />น้ำปูนใส<br />22<br />กิโลกรัม<br />วิธีทำ<br /> 1. มะเขือเทศ ล้างน้ำสะอาด กรีดผลเป็น 4 แฉก เอาเม็ดออก แช่น้ำปูนใส 3 ชั่วโมง<br /> 2. เอาขึ้นจากน้ำปูนใส ล้างน้ำเปล่าให้หมดกลิ่นปูน และนำลวกในน้ำเดือด 1 ครั้ง<br /> 3. ตั้งกระทะใส่น้ำตาล 10 กิโลกรัม และน้ำ 10 กิโลกรัม คนให้ละลาย เมื่อเดือดนำมะเขือเทศลงเชื่อมใส่กรดซิตริกคนให้เข้ากัน เมื่อมะเขือเทศลอยจากน้ำเชื่อม ใชัทัพพีโปร่งตักแล้วตากหรืออบประมาณ 3 วัน ที่อุณหภูมิ 60-70 องศาเซลเซียส จนแห้ง เก็บในถุงพลาสติกอย่าให้อากาศเข้า เก็บไว้รับประทาน<br /></div><a href="http://www.doae.go.th/ni/food/food_43.htm"></a>เพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-85516085838708354072009-01-07T21:56:00.000-08:002009-01-07T22:03:38.603-08:00มะม่วงแช่อิ่ม<div align="center">การทำมะการแช่อิ่มมะม่วงเป็นการนำอาหารมาแช่ในน้ำเชื่อมเข้มข้นเพื่อให้น้ำตาลซึมเข้าไปในอาหารจนอิ่มตัวการคัดเลือกวัตถุดิบ มะม่วงห่าม แก่จัด เนื้อแน่นเครื่องมือและอุปกรณ์ อุปกรณ์ที่ใช้ในการชั่งตวง – ถ้วยตวง,ตาชั่ง,ช้อนตวง อุปกรณ์ที่ใช้ในการถนอมอาหาร – กะละมัง,มีดปอก,มีดหั่น,เขียง,ถาดโปร่ง,ผ้าขาวบาง,ตะแกรง,ขวดโหลส่วนผสม มะม่วงดิบ 1 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 6 ถ้วยตวง น้ำเกลือ (เกลือ 200 กรัม) น้ำ 8 ถ้วยตวง น้ำปูนใส น้ำ<br /><img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/DSC03482.jpg" width="150" border="0" /> <img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/ภาพ047.jpg" width="150" border="0" />1. ปอกเปลือกมะม่วง ล้างให้สะอาดหั่นมะม่วงเป็นชิ้น แช่ในน้ำเกลือ 1 <img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/ภาพ048.jpg" width="150" border="0" />วัน 2. แช่ในน้ำปูนใส 1 ชั่วโมง ล้างให้สะอาดและผึ่งให้สะเด็ดน้ำ <img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/ภาพ052.jpg" width="150" border="0" /> <p align="center"><span style="font-family:MS Sans Serif;color:#0000cc;"><img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/DSC03647.jpg" width="150" border="0" /></span></p> <img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/ภาพ053.jpg" width="150" border="0" /> 3. ผสมน้ำตาลทราย 5 ถ้วยตวง กับน้ำ 8 ถ้วยตวง ต้มให้เดือด วิธีทำ ขามแช่อิ่มอบแห้ง 4. แช่มะม่วงในน้ำเชื่อม 1 คืน แล้วทำการแช่อิ่มโดยการอุ่นน้ำเชื่อม และเติมน้ำตาลวันละ ½ ถ้วยตวง ติดต่อกัน 3 วัน จนมะม่วงใสและกรอบ ตากหรืออบให้แห้งและบรรจุในภาชนะที่สะอาด ปิดสนิท <img height="120" src="http://www.snr.ac.th/elearning/sudchit/images/Section6-3/DSC03503.jpg" width="150" border="0" />ปรุงรส</div>เพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-86533085848270270682009-01-07T21:50:00.000-08:002009-01-07T21:55:52.891-08:00การทำมะขามแช่อิ่มอบแห้งปรุงรส<p align="center"><br /><span style="color:#ff0000;"><span style="color:#000000;">เครื่องปรุง<br /></span><br /><br />1.<br />มะขามแก่แต่ไม่สุก<br />1<br />กิโลกรัม<br />2.<br />น้ำตาลทรายขาว<br />1<br />กิโลกรัม<br />3.<br />น้ำปูนใส<br />1.5<br />กิโลกรัม<br />4.<br />เกลือป่น<br />100<br />กรัม<br /><br /><br /><span style="color:#000000;">วิธีทำ<br /></span><br />1.<br />้มะขามทั้งฝัก ลวกในน้ำเดือดนาน 2 นาที เอาขึ้นแช่น้ำเย็น<br />2.<br />แกะเปลือกออก แช่น้ำเกลือ 1 คืน (น้ำ 100 กรัม เกลือ 100 กรัม)<br />3.<br />รุ่งขึ้นนำแช่น้ำปูนใสนาน 3 ชั่วโมง ผ่ามะขามให้ขาดแคะเมล็ดออก ล้างน้ำเปล่าและผึ่งให้แห้ง<br />4.<br />เตรียมน้ำเชื่อม 30% (น้ำ 700 กรัม น้ำตาล 300 กรัม) ต้มให้เดือดทิ้งให้เย็น นำมะขามลงแช่<br />5.<br />รุ่งขึ้นตักมะขามขึ้นจากน้ำเชื่อมแล้วตั้งไฟจนเดือด 5 นาที แล้วเพิ่มน้ำตาลอีก 100 กรัม ต้มให้เดือดทิ้งให้เย็นแล้วนำมะขามลงแช่ ทำเช่นนี้ทุกวัน โดยเพิ่มความหวานวันละ 100 กรัม จนครบ 5 วัน<br />6.<br />ตักมะขามขึ้นจากน้ำเชื่อม และนำไปล้างในน้ำเดือดและตากจนเห้งจับไม่ติดมือ นำคลุกพริกกับเกลือ เก็บในภาชนะที่แห้งสะอาดปิดสนิท<br /><br /><br /><span style="color:#000000;">ผู้จัดจำหน่าย<br /></span><br />-<br /></span><a href="http://busy.doae.go.th/abpd/producer_detial_1.html"><span style="color:#ff0000;">กลุ่มแม่บ้านเกษตรร่องกล้า</span></a><br /><span style="color:#ff0000;">หมู่ 10 ต.เนินเพิ่ม อ.นครไทย จ.พิษณุโลก 65120<br /> </span></p>เพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-38621699327808351872008-11-26T22:02:00.000-08:002008-12-24T22:23:39.514-08:00การอบแห้งเครื่องอบแห้ง<br />เครื่องมือที่ใช้ในการอบอาหารจำนวนมากในคราวเดียวกันให้แห้งนั้นมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีหลายขนาด<br />1) ตู้อบหรือโรงอบที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ โดยมีหลักการทำงานคือ ตู้หรือโรงอบประกอบด้วยแผงรับแสงอาทิตย์ ซึ่งทำด้วยวัสดุใส เมื่อแสงอาทิตย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรังสีคลื่นสั้น ตกลงบนแผงรับแสงนี้แล้วจะทะลุผ่านไปยังวัสดุสีดำ ภายในตู้และเปลี่ยนเป็นรังสีความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะไปกระทบกับอาหารทำให้น้ำในอาหารระเหยออกมา และผ่านออกไปทา <div align="center"><img height="196" src="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x13.jpg" width="247" /></div>งช่องระบายอากาศของตู้อบ หรือโรงอบ มีผลทำให้อาหารแห้ง ในระหว่างการอบควรกลับผลิตภัณฑ์นั้น วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ผิวหน้าของผลิตภัณฑ์ทุกส่วนได้สัมผัสกับความร้อน ทำให้แห้งเร็วและสม่ำเสมอ ส่วนมากตู้อบแสงอาทิตย์นี้จะใช้กับพวกผัก ผลไม้ และธัญพืช ข้อดีสำหรับการใช้ตู้อบที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์คือ<br />(1) ได้ผลิตภัณฑ์สีสวย และสม่ำเสมอ<br />(2) สะอาดเพราะสามารถควบคุมไม่ให้ฝุ่นละอองหรือแมลงเข้าไปได้<br />(3) ใช้เวลาน้อยกว่าการตากแดดตามธรรมชาติ ทำให้ประหยัดเวลาในการตากได้ประมาณหนึ่งในสาม<br />(4) ประหยัดพื้นที่ในการตาก เพราะในตู้อบสามารถวางถาดที่จะใส่ผลผลิตได้หลายถาด หรือหลายชั้น<br />(5) ประหยัดแรงงาน เพราะไม่ต้องเก็บอาหารที่กำลังตากเข้าที่ร่มในตอนเย็น และเอาออกตากในตอนเช้าเหมือนสมัยก่อน ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนในการผลิตอาหารเพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-87505706714171385072008-11-26T21:58:00.000-08:002008-12-24T22:24:29.435-08:00เครื่องอบแห้ง<br />เครื่องมือที่ใช้ในการอบอาหารจำนวนมากในคราวเดียวกันให้แห้งนั้นมีหลายแบบ แต่ละแบบก็มีหลายขนาด<br />1) ตู้อบหรือโรงอบที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์ โดยมีหลักการทำงานคือ ตู้หรือโรงอบประกอบด้วยแผงรับแสงอาทิตย์ ซึ่งทำด้วยวัสดุใส เมื่อแสงอาทิตย์ซึ่งส่วนใหญ่เป็นรังสีคลื่นสั้น ตกลงบนแผงรับแสงนี้แล้<img height="298" src="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x15.jpg" width="231" />วจะทะลุผ่านไปยังวัสดุสีดำ ภายในตู้และเปลี่ยนเป็นรังสีความร้อน ซึ่งความร้อนนี้จะไปกระทบกับอาหารทำให้น้ำในอาหารระเหยออกมา และผ่านออกไปทางช่องระบายอากาศของตู้อบ หรือโรงอบ มีผลทำให้อาหารแห้ง ในระหว่างการอบควรกลับผลิตภัณฑ์นั้น วันละ 1-2 ครั้ง เพื่อให้ผิวหน้าของผลิตภัณฑ์ทุกส่วนได้สัมผัสกับความร้อน ทำให้แห้งเร็วและสม่ำเสมอ ส่วนมากตู้อบแสงอาทิตย์นี้จะใช้กับพวกผัก ผลไม้ และธัญพืช ข้อดีสำหรับการใช้ตู้อบที่ใช้ความร้อนจากแสงอาทิตย์คือ<br />(1) ได้ผลิตภัณฑ์สีสวย และสม่ำเสมอ<br />(2) สะอาดเพราะสามารถควบคุมไม่ให้ฝุ่นละอองหรือแมลงเข้าไปได้<br />(3) ใช้เวลาน้อยกว่าการตากแดดตามธรรมชาติ ทำให้ประหยัดเวลาในการตากได้ประมาณหนึ่งในสาม<br />(4) ประหยัดพื้นที่ในการตาก เพราะในตู้อบสามารถวางถาดที่จะใส่ผลผลิตได้หลายถาด หรือหลายชั้น<br />(5) ประหยัดแรงงาน เพราะไม่ต้องเก็บอาหารที่กำลังตากเข้าที่ร่มในตอนเย็น และเอาออกตากในตอนเช้าเหมือนสมัยก่อน ซึ่งมีผลทำให้ต้นทุนในการผลิตอาหารเพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-48602391842339714432008-11-19T22:08:00.000-08:002008-12-24T22:25:42.201-08:00วิธีการถนอมอาหาร ~<br /><br />วิธีการถนอมอาหารในบางฤดูกาลมีผลผลิตประเภทอาหารมากมาย ทำให้ไม่สามารถรับประทานอาหารสดๆได้หมด แต่เราสามารถเก็บรักษาอาหารนั้นไว้รับประทานต่อไปได้ด้วยวิธีการถนอมอาหาร ซึ่งการเลือกวิธีการถนอมอาหารที่เหมาะสมจะทำให้สามารถเก็บรักษาอาหารไว้ได้นาน และสามารถรับประทานได้ตลอดฤดูกาล โดยที่อาหารไม่บูดเน่าเสียหรือต้องทิ้งโดยเปล่าประโยชน์<br /><br />การถนอมอาหารด้วยวิธีการต่างๆ<a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#001">การถนอมอาหารโดยตากแห้ง</a><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#002">การถนอมอาหารโดยการดอง</a><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#003">การถนอมอาหารโดยการใช้น้ำตาล</a><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#004">การถนอมอาหารโดยการแช่แข็ง</a><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#005">การถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งอาหาร</a><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03.htm#006">การถนอมอาหารโดยรมควัน </a><br /><br />การถนอมอาหารโดยตากแห้ง<a name="001"></a><br />การถนอมอาหารเป็นวิธีที่ <div align="center"><img height="185" src="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x7.jpg" width="129" /></div>ง่ายและประหยัดมากที่สุด ใช้ได้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยนำน้ำหรือความชื้นออกจากอาหารให้มากที่สุดเพื่อให้เอนไซม์ในอาหารไม่สามารถทำงานและบัตเตรีไม่สามารถที่เจริญเติบโตได้ในของแห้งสำหรับวิธีการตากแห้งอาจใช้ความร้อนหรือความร้อนจากแหล่งอื่น เช่น ตู้อบ เป็นต้นถ้าใช้แสงแดดควรมีฝาชีหรือตู้ที่เป็นมุ้งลวดป้องกันแมลงและฝุ่นละออง อาหารที่ผ่านวิธีการตากเเห้งแล้ว เช่น เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กล้วยตาก เป็นต้น<br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_1.htm">วิธีการถนอมอาหารโดยตากแห้ง</a><br /><br /><br /><br />การดอง<a name="002"></a>การดองเป็นการถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งให้มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน หรือมีรสผสมทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน อุปกรณ์ที่ใช้ดองควรเป็นพวกเครื่องแก้ว ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น หม้อ อะลูมีเนียม เป็นต้น เพราะในขณะดองอาจมีกรดเกิดขึ้นซึ่งกรดพวกนี้จะทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้เกิดสารพิษในอาหรสำหรับปรุงรสที่ใช้ ได้แก่ เกลือ น้ำตาล น้ำส้มบริสุทธิ์ ส่วนอาหารที่ใช้วิธีดอง เช่น มะม่วงดอง ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง เป็นต้น<br /><br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_2.htm">วิธีการดอง</a><br /><br />การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาล<a name="003"></a>การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาลนิยมใช้กับพวกผลไม้ โดยทั่วไปแล้วผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะนิยมใส่น้ำตาลมาก การใช้น้ำตาลเพื่อการถนอมอาหารมีหลายวิธี ดังนี้<br />กล้วยเชื่อม<br />มันเชื่อม<br />การเชื่อม<br />ใช้ความเข้มข้นของน้ำตาลแตกต่างกันตามอัตราส่วน ดังนี้1.น้ำเชื่อมใส ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 3 ถ้วย2.น้ำเชื่อมปานกลาง ใช่น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 2 ถ้วย3.น้ำเชื่อมเข้มข้น ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 1ถ้วย<br />การเชื่อมนิยมใช้กับผลไม้บรรรจุกระป๋อง หรือขวด ที่เรียกว่า ลอยแก้ว เช่น เงาะกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง เป็นต้น<br />การทำแยม<br />เป็นการใส่น้ำตาลในเนื้อผลไม้ที่มีน้ำปนอยู่ส่วนมาก แล้วกวนให้เข้ากัน เช่น แยมส้ม แยมสับปะรด เป็นต้น<br />การกวน<br />นิยมใช้กับผลไม้ โดยใส่น้ำตาลปริมาณมาก และกวนจนเนื้อผลไม้แห้งสามารถปั้นหรือบรรจุห่อได้ เช่น ส้มโอกวน สับปะรดกวน กล้วยกวน เป็นต้น<br />การแช่อิ่ม<br />เป็นการใส่น้ำตาลในปริมาณมาก โดยการแช่ในน้ำเชื่อม และเพิ่มความเข้มข้น ของน้ำเขื่อมจนถึงจุดอิ่มตัว แล้วนำมาทำแห้ง สมัยก่อนนิยมใช้วิธีการถนอมอาหารนี้กับผลไม้ ปัจจุบันนำผักหลายชนิดมาแช่อิ่ม แล้วจัดจำหน่ายจนเป็นที่นิยมในท้องตลาดเช่น ลูกตำลึง ก้านบอระเพ็ด ลูกมะกรูด เป็นต้น<br /><br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_3.htm">วิธีการถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาล</a><br /><br />การถนอมอาหารโดยการแช่แข็ง<a name="004"></a> การแช่เเข็งเป็นการถนอมอาหาร โดยการใช้อุณหภูมิต่ำ โดยการควบคุมจุลินทรีย์ และบัตเตรีไม่ให้สามารเจริญเติบโตได้ นิยมใช้กับอาหารสด อาหารที่ปรุงเสร็จแล้ว และบรรจุภัณฑ์พร้อมจำหน่าย ซึ่งผู้บริโภคซื้อแล้วสามารถนำไปอุ่นก่อนรับประทาน ในปัจจุบันนิยมแพร่หลายถึงแม้ว่าจะมีราคาสูง เพราะช่วยประหยัดเวลาเเละเเรงงาน ในการประกอบอาหาร นอกจากนี้ อาหารแช่เเข็งจะสดและมีรสชาติดีกว่าอาหารกระป๋อง<br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_4.htm">วิธีการถนอมอาหารโดยการแช่แข็ง</a><br />การถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งอาหาร<br /><a name="005"></a><br />การใช้สารปรุงแต่งอาหารเป็นการถนอมอาหาร เพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงการทำงานของเอนไซม์หรือปฏิกิริยาทางเคมี ทำให้เก็บรักษาอาหารได้นานขึ้งหรือตกแต่งอาหาร<br />สารปรุงแต่งที่นิยมใส่ในอาหาร มีดังนี้<br />๑) สารกันบูด ถ้าใช้เพียงเล็กน้อยจะไม่เป็นอันตราย แต่ถ้าใช้มากแม้แต่เกลือก็เป็นพิษต่อร่างกาย ไม่ควรใช้มากหรือบ่อยจนเกินไป ส่วนปริมาณที่ใช้อย่างปลอดภัย ควรใช้สารกันบูด ๑ กรัมต่อน้ำหนักอาหาร ๑ กิโลกรัม<br />๒) สีผสมอาหาร ควรใช้สีจากธรรมชาติ หรือสารเคมีที่ได้รับอนุญาต<br />ให้ใส่ในอาหาร ขององค์การเภสัชกรรม<br />๓) สารเคมี ช่วยในการควบคุมความเป็นกรด ด่าง เกลือในอาหาร ควบคุมคุณสมบัติทางกายภาพของอาหาร ทำให้อาหารสด เช่น ทำให้ผลไม้สุกช้าหรือทำให้สุกเร็ว เช่น พวกแก๊สบ่มผลไม้ เป็นต้น ก่อนใช้ควรศึกษาและดูคำแนะนำในซอง หรือฉลากที่ปิดไว้ข้างภาชนะบรรจุ<br /><br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_5.htm">วิธีการถนอมอาหารโดยใช้สารปรุงแต่งอาหาร</a><br />การรมควัน<a name="006"></a> การรมควันเป็นการถนอมอาหารที่ต่างไปจากการ ตากแห้งธรรมดา นอกจากจะทำให้ อาหารแห้งแล้ว ยังช่วยรักษาให้อาหารเก็บได้นาน มีกลิ่นหอมและรสชาติแปลกซึ่งเป็นที่นิยมกันมาก การรมควันที่สามารถทำได้ในครอบครัวจะเป็นแบบธรรมชาติิโดยการสุมไฟด้วยไม้กาบมะพร้าว ขี้เลื่อย ซางข้าวโพด ให้แขวนอาหารไว้เหนือกองไฟใช้ไฟอ่อนๆเพื่อให้รมควันอาหารไปพร้อมกับไอร้อนจะช่วยทำให้อาหารแห้งเร็ว เช่น รมควันปลา เป็นต้น<br /><br /><a href="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/tanom03_6.htm">วิธี</a><a href="http://images.google.co.th/imgres?imgurl=http://coursewares.mju.ac.th/ft470/photo/cannedmeat.jpg&imgrefurl=http://coursewares.mju.ac.th/ft470/cp/cp_012.html&usg=__kQDzbgMnBae3GiZCvgBfPSQbbxY=&h=310&w=381&sz=60&hl=th&start=3&tbnid=R0nh6QeyOa2ZvM:&tbnh=100&tbnw=123&prev=/images%3Fq%3D%25E0%25B8%2581%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%25E0%25B8%2596%25E0%25B8%2599%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25A1%25E0%25B8%25AD%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25AB%25E0%25B8%25B2%25E0%25B8%25A3%26gbv%3D2%26hl%3Dth%26sa%3DG"></a>เพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-9119267021841389576.post-62521853539330599652008-11-19T21:44:00.000-08:002008-12-24T22:28:31.449-08:00<a href="http://images.google.co.th/url?q=http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x15.jpg&usg=AFQjCNFntpJfVlxlZy7Essun3ndG33Y68g" target="_top"></a>การถนอมอาหาร<br /><br />การถนอมอาหารโดยตากแห้ง<a name="001"></a><br />การถนอมอาหา <div align="center"><img height="191" src="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x1.jpg" width="248" /></div>รเป็นวิธีที่ง่ายและประหยัดมากที่สุด ใช้ได้กับอาหารประเภทเนื้อสัตว์ ผักและผลไม้ โดยนำน้ำหรือความชื้นออกจากอาหารให้มากที่สุดเพื่อให้เอนไซม์ในอาหารไม่สามารถทำงานและบัตเตรีไม่สามารถที่เจริญเติบโตได้ในของแห้งสำหรับวิธีการตากแห้งอาจใช้ความร้อนหรือความร้อนจากแหล่งอื่น เช่น ตู้อบ เป็นต้นถ้าใช้แสงแดดควรมีฝาชีหรือตู้ที่เป็นมุ้งลวดป้องกันแมลงและฝุ่นละออง อาหารที่ผ่านวิธีการตากเเห้งแล้ว เช่น เนื้อเค็ม ปลาเค็ม กล้วยตาก เป็นต้น<br /><br />การดอง<a name="002"></a>การดองเป็นการถนอมอาห <div align="center"><img height="177" src="http://www.bodin2.ac.th/web/3679/images/x3.jpg" width="215" /></div>ารโดยใช้สารปรุงแต่งให้มีรสเปรี้ยว เค็ม หวาน หรือมีรสผสมทั้งเปรี้ยว เค็ม หวาน อุปกรณ์ที่ใช้ดองควรเป็นพวกเครื่องแก้ว ไม่ควรใช้ภาชนะที่เป็นโลหะ เช่น หม้อ อะลูมีเนียม เป็นต้น เพราะในขณะดองอาจมีกรดเกิดขึ้นซึ่งกรดพวกนี้จะทำปฏิกิริยากับโลหะทำให้เกิดสารพิษในอาหรสำหรับปรุงรสที่ใช้ ได้แก่ เกลือ น้ำตาล น้ำส้มบริสุทธิ์ ส่วนอาหารที่ใช้วิธีดอง เช่น มะม่วงดอง ผักกาดดอง หน่อไม้ดอง เป็นต้น<br /><br />การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาล<a name="003"></a>การถนอมอาหารโดยใช้น้ำตาลนิยมใช้กับพวกผลไม้ โดยทั่วไปแล้วผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวจะนิยมใส่น้ำตาลมาก การใช้น้ำตาลเพื่อการถนอมอาหารมีหลายวิธี ดังนี้<br />กล้วยเชื่อม<br />มันเชื่อม<br />การเชื่อม<br />ใช้ความเข้มข้นของน้ำตาลแตกต่างกันตามอัตราส่วน ดังนี้1.น้ำเชื่อมใส ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 3 ถ้วย2.น้ำเชื่อมปานกลาง ใช่น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 2 ถ้วย3.น้ำเชื่อมเข้มข้น ใช้น้ำตาล 1 ถ้วย น้ำ 1ถ้วย<br />การเชื่อมนิยมใช้กับผลไม้บรรรจุกระป๋อง หรือขวด ที่เรียกว่า ลอยแก้ว เช่น เงาะกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง เป็นต้น<br /><br />การทำแยม<br />เป็นการใส่น้ำตาลในเนื้อผลไม้ที่มีน้ำปนอยู่ส่วนมาก แล้วกวนให้เข้ากัน เช่น แยมส้ม แยมสับปะรด เป็นต้น<br /><br />การกวน<br />นิยมใช้กับผลไม้ โดยใส่น้ำตาลปริมาณมาก และกวนจนเนื้อผลไม้แห้งสามารถปั้นหรือบรรจุห่อได้ เช่น ส้มโอกวน สับปะรดกวน กล้วยกวน เป็นต้น<br /><br />การแช่อิ่ม<br />เป็นการใส่น้ำตาลในปริมาณมาก โดยการแช่ในน้ำเชื่อม และเพิ่มความเข้มข้น ของน้ำเขื่อมจนถึงจุดอิ่มตัว แล้วนำมาทำแห้ง สมัยก่อนนิยมใช้วิธีการถนอมอาหารนี้กับผลไม้ ปัจจุบันนำผักหลายชนิดมาแช่อิ่ม แล้วจัดจำหน่ายจนเป็นที่นิยมในท้องตลาดเช่น ลูกตำลึง ก้านบอระเพ็ด ลูกมะกรูด เป็นต้นเพชรบ่อโพธิ์http://www.blogger.com/profile/10251490632437435338noreply@blogger.com0